เควสเนื้อเรื่อง ตำนานเมืองดัง "สิบสองฤกษ์ยามแห่งวิกฤตต้าหมิง" (หมากรุก/แมพหุบเขาเทียนอี้)
- เศษชิ้นส่วนเหมยศักดิ์สิทธิ์ นำไปแลกวิชา ฝ่ามือหมากรุก "เคล็ดลับเหมยศักดิ์สิทธิ์" หุบเขาเทียนอี้ -877 391
- เศษชิ้นส่วนหมากล้อม นำไปแลกสกินขณะเล่น "หมากรุก" หุบเขาเทียนอี้ -878 393
- หุบเขาเทียนอี้ แมพใหม่ เกี่ยวกับระบบ "ระบบหมากรุก" สามารถเข้าไปแลกวิชา หรือเล่นหมากรุก โดยเข้าผ่านทางแมพ ลั่วหยาง 39 818
ตัวละครระดับ ฉลาดล้ำเลิศ รับเควสได้ที่ ลั่วหยาง 1139 732 ไล่ทำเควสตามลำดับ ดังนี้
- คำเชิญลึกลับ
- แขกจวนอ๋อง
- ทูตศักดิ์สิทธิ์ลัทธิลับ
- ลองใจทูตศักดิ์สิทธิ์
- ความกังวลของอ๋องฉิน = รางวัลเควส [วิกฤตต้าหมิง]·รางวัลหนึ่ง
- คารวะเจ้าหอ
- ประมุขเรียกตัว
- ตัวหมากรุกประหลาด
- ศิษย์เอาแต่ใจ
- ทำตามคำสั่ง
- ค้นหาเบาะแส
- ข้อมูลรั่วไหล
- สุนัขล่าเนื้อแสนรู้
- รวบรวมชิ้นส่วนให้ครบ = รางวัลเควส [วิกฤตต้าหมิง]·รางวัลสอง + หมาก *5
- ไขปริศนา
- ขัดขวางระหว่างทาง
- ความคิดของอ๋องฉิน
- ศิลาเมฆเปลี่ยนแปลง
- แดนสวรรค์ในบ่อ
- รีบถอนตัว
- วิกฤตชีพจรมังกร = รางวัลเควส [วิกฤตต้าหมิง]·รางวัลสาม
เมื่อทำถึงเควสสุดท้ายแล้ว จะมาส่งกับ หลินเทียนหนาน อย่าลืมกดรับเควสต่อ จะได้รับเควสเนื้อเรื่องถัดมา "หนูกัดเบิกฟ้า" อ่านรายละเอียดได้ที่ด้านล่าง
เรื่องราวความเป็นมา เควส "สิบสองฤกษ์ยามแห่งวิกฤตต้าหมิง"
ถนนใจกลางเมือง
จอมยุทธได้รับตัวหมากรุกโดยบังเอิญ จึงเพ่งดูเนื้อวัตถุแล้วมีเศษแผ่นเล็ก ๆ หลุดออกมา เมื่อดูอย่างละเอียดจึงพบว่าเศษภาพที่แตกหัก ขณะที่กำลังคิดใคร่ครวญ ก็ได้รับจดหมายจากพิราบส่งสาร มีความว่าจางตันสวี่ เชิญบุคคลสำคัญให้ไปหาหลินเทียนหนาน ประมุขหลินเพื่อสมทบกัน
เมื่อถึงที่หมาย จางตันสวี่ได้มอบเศษชิ้นหมากรุกให้บุคคลสำคัญ จอมยุทธจึงพบว่าตัวหมากรุกที่ตนได้รับโดยบังเอิญ คล้ายจะอยู่บนกระดานหมากรุกอันเดียวกัน
ประมุขหลินกล่าวว่ามีตัวหมากรุกหลายชิ้นปรากฏขึ้นในยุทธจักร แถมยังมีราคาไม่น้อย ผู้คนในยุทธจักรจึงแย่งชิงกัน เศษชิ้นส่วนที่อยู่ภายในตัวหมากรุกแต่ละชิ้นคล้ายจะเป็นส่วนหนึ่งของรูปภาพ หลินเทียนหนานรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดและหวังว่าจอมยุทธจะช่วยไขปริศนาร่วมกัน
หลังผ่านเหตุการณ์สลับซับซ้อนหลายครั้ง ในที่สุดจอมยุทธก็รวบรวมตัวหมากรุกทั้งหมดมาประกอบเป็นภาพได้สำเร็จ ปรากฎว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวหมากรุกคือแผนที่แผ่นหนึ่ง บนภาพวาดมีอักษรเขียนไว้เพียงประโยคเดียว: เมฆประหลาดไม่ได้ปีนหอ หุบเขาพาดภูผาและแม่น้ำ
หลินเทียนหนานและจางตันสวี่ไม่อาจคลี่คลายปริศนา แต่จอมยุทธสันนิษฐานว่าภาพนี้น่าจะหมายถึงหอศิลาเมฆที่อยู่ชานเมืองลั่วหยาง อีกทั้งเขาและจ้าวหอศิลาเมฆเป็นสหายที่คบหากันมานาน ดังนั้นจอมยุทธจึงอาสารับหน้าที่สืบความที่หอศิลาเมฆ
หอศิลาเมฆ
จอมยุทธไปคารวะจ้าวหอศิลาเมฆ ณ เมืองลั่วหยาง เพื่ออธิบายจุดประสงค์ของเขา จ้าวหอชื่นชมจอมยุทธ แต่บอกเพียงว่า ภาพนี้เกี่ยวพันกับความอยู่รอดของใต้หล้าและความเป็นตายของผู้คนในราชวงศ์หมิง หากเข้าไปยุ่งเกี่ยวคงยากจะรอดพ้นความตาย หลังจากนั้นจึงขอให้จอมยุทธกลับไปใคร่ครวญให้รอบคอบ หากยังตัดสินใจจะสืบความต่อก็ให้กลับมาหาอีกครั้ง
จอมยุทธคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงตัดสินใจไปที่หอศิลาเมฆอีกครั้ง มิคาด หอศิลาเมฆในขณะนั้นเต็มไปด้วยนักฆ่า หลังต่อสู้หนึ่งครา จอมยุทธปลิดชีพมือสังหารได้ แต่ก็ยังช้าเกินไปหนึ่งก้าว จ้าวหอศิลาเมฆเสียชีวิตไปนานแล้ว เมื่อจอมยุทธตรวจดูศพก็พบว่านิ้วชี้และนิ้วกลางของมือจ้าวหอศิลาเมฆพันกันแน่น ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเบาะแสบางอย่าง... หลังจากสำรวจไปสักพัก จอมยุทธก็พบว่ามีบ่อน้ำแห้งประหลาดอยู่ภายในหอ จึงกระโดดลงไป
ปรากฎว่ามีถ้ำอยู่ในบ่อน้ำ จอมยุทธคลำทางไปข้างหน้าจนสุดทางก็เห็นแสงสว่าง เบื้องหน้ามีผู้คนจัดแข่งหมากรุกขนาดใหญ่ต่อหน้าจอมยุทธ...
เควสเนื้อเรื่อง ตำนานเมืองดัง "หนูกัดเบิกผ้า"
หลังจากทำเควสด้านบน "สิบสองฤกษ์ยามแห่งวิกฤตต้าหมิง" เสร็จแล้ว ก็จะมีเควสให้รับต่อเนื่องที่ หลินเทียนหนาน ไล่ทำไปเรื่อยๆตามลำดับเควส
- เกิดลูกคลื่นอีกครั้ง
- กลับร้านอาหาร
- โชคร้ายไม่เคยมาเพียงลำพัง
- เงาใหญ่กลางดึก
- พบฮั่นอ๋องครั้งแรก
- สิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างใน
- ไฟไหม้คลัง
- ฆ่าทุกลมหายใจ
- ไม่สมควรตาย
- พบเหมืองแร่ = ได้รับ บัวหิมะเทียนซาน*5 + ยาเปลี่ยนเอ็นผสาน1วัน*40 + ตั๋วซักล้าง*30
- ความลับในถ้ำ
- แผนการร้าย
- ราชสำนักอภัยโทษ = ได้รับ ห่อรางวัลเดินภารกิจตามบท
เรื่องราวความเป็นมา เควส "หนูกัดเบิกฟ้า"
หลังจากเหตุวุ่นวาย "หมากรุก" ในบู๊ลิ้ม เหล่าจอมยุทธ์ได้สอดแนมหอศิลาเมฆและค้นพบหุบเขาเทียนอี้ และพวกเขาก็แยกตัวออกจากจางตันสวี่ จางตันสวี่ไปที่จวนหมอกฝนเพื่อรายงานเรื่องราว หอศิลาเมฆต่อผู้เฒ่าจิ่วกง ในขณะที่จอมยุทธ์ไปที่ซูโจวเพื่อตามหาหลินเทียนหนาน ประมุขยุทธจักร
ระหว่างทาง จอมยุทธ์ได้ยินว่าสำนักในยุทธจักรไม่น้อยถูกปราบปรามโดยราชสำนัก แม้แต่ขุมกำลังที่ลือเสียงอย่างหออัสนีเจียงหนานก็หนีไม่พ้นมือสังหารและถูกกวาดล้างอย่างไร้ความปราณี จอมยุทธ์ไปพบหลินเทียนหนานในร้านอาหารซูโจว และบอกหลินเทียนหนานเกี่ยวกับการฆาตกรรมจ้าวหอศิลาเมฆก่อนหน้านี้ หลินเทียนหนานถอนหายใจหลังจากได้ยินเรื่องนี้ และกล่าวว่าเมื่อไม่นานมานี้ มีการประลองกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับตัวหมากรุกในบู๊ลิ้ม ทำให้ราชสำนักระแวง
เมื่อไม่นานมานี้ ข้าหลวงฝ่ายขวาของหน่วยตรวจการแห่งเยี่ยนจิงเสียชีวิตภายใต้หัตถ์อัสนีของตระกูลเหลย ราชสำนักจึงอาศัยเรื่องนี้ฉวยโอกาสกวาดล้างสำนักในยุทธจักร
ต่อมาหลินเทียนหนานบอกจอมยุทธ์ว่า หออัสนีก่อตั้งขึ้นมาหลายปี โดยผลิตอาวุธปืนและดินปืนในปริมาณมาก และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับราชสำนักและได้กำไรมหาศาล แม้ว่าตระกูล เหลยจะเก่งในการทำอาวุธปืนดินปืน แต่พวกเขาก็อาศัยการสนับสนุนของราชสำนัก ดังนั้นจึงไม่มีคนในตระกูลเป็นวิทยายุทธ์เลย หออัสนีเกิดเรื่องจึงต้องมีความลับเบื้องหลัง ในตอนนี้ สำนักงานใหญ่หออัสนีเจียงหนานถูกกวาดล้างแล้ว และสาขาเยี่ยนจิงก็ถูกปิดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังมีศิษย์หลายคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลถังและตงฟางหลิงเส้า ดังนั้นหลินเทียนหนานจึงหวังให้จอมยุทธ์จะไปที่ตระกูลตงฟางเพื่อหาเบาะแส
จอมยุทธ์ได้รับคำสั่งให้รีบไปที่ตระกูลตงฟาง เพื่อตรวจสอบ หลังจากพบกับ ตงฟางเฉิง เจ้าของคฤหาสน์จึงได้รู้ว่าเหล่าศิษย์ที่ได้รับการช่วยเหลือโดยตงฟางหลิงเส้านั้นซ่อนตัวอยู่ในคลังอาวุธของตระกูลตงฟาง จอมยุทธ์กำลังติดตามตามเจ้าของคฤหาสน์ไปที่คลังอาวุธ แต่คาดไม่ถึงเกิดระเบิดครั้งใหญ่ในคลังอาวุธของตระกูลตงฟาง และเหล่าศิษย์หออัสนีก็ถูกไฟคลอกตายที่นั้น จอมยุทธ์ลงไปดูสถานที่เกิดเหตุและบังเอิญพบหน้ากากแปลกๆ ที่ทำจากวัสดุพิเศษและพบผงดินปืนหลงเหลืออยู่ จอมยุทธ์มอบผงดินปืนที่เหลือเหล่านี้ให้กับตงฟางเฉิง ตงฟางเฉิงเป็นผู้คุ้นเคยกับศาสตราวุธและอาวุธปืนจึงบอกได้ทันทีว่าดินปืนนั้นเป็นผงสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ป้าเทียนเหลยแห่งหออัสนีเจียงหนาน ตอนนี้เหล่าศิษย์ของหออัสนีที่ซ่อนตัวอยู่ในคลังอาวุธได้ถูกไฟคลอกตายแล้ว ยากจะรู้ได้ว่าพวกเขาระเบิดคลังอาวุธหรือมีบุคคลภายนอกที่ใช้ ป้าเทียนเหลยฆ่าพวกเขาหรือไม่ เบาะแสเดียวคือหน้ากากในมือของจอมยุทธ์...
ตงฟางเฉิงบอกจอมยุทธ์ว่าคลังอาวุธเป็นสถานที่ทางทหารที่สำคัญและได้รับการดูแลอย่างแน่นหนา ตอนนี้มันถูกทิ้งระเบิด ราชสำนักจะต้องรับผิดชอบต่อตระกูลตงฟางอย่างแน่นอน ตงฟางเฉิงมีความสัมพันธ์อันดีกับฮั่นอ๋องมาโดยตลอด ฮั่นอ๋องได้รับความไว้วางใจจากองค์เหนือหัวมากที่สุด ปัจจุบันฮั่นอ๋องประทับอยู่ในจวนเอี้ยนอ๋องเก่า เขาหวังว่าจอมยุทธ์จะสามารถไปที่จวนเอี้ยนอ๋องเพื่อขอให้ฮั่นอ๋องเรียกร้องให้ตระกูลตงฟางต่อหน้าพระพักตร์
จอมยุทธ์รีบรุดไปยังเมืองเยี่ยนจิงตลอดคืน ในเมืองเยี่ยนจิงนั้นจันทร์หม่นมีลมแรง ทันใดนั้นก็มีร่างสีขาวขนาดใหญ่ผ่านไปตามถนน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องแห่งความหวาดกลัว บนพื้นฆ้องของยามยังคงอยู่บนพื้น แต่คนเฝ้ายามหายไปไม่เห็นร่องรายแล้ว เมื่อจอมยุทธ์เห็นเค้าลางนี้ แม้ว่าเขาจะไม่กลัว แต่เขาก็รู้สึกว่าประหลาดใจมาก
จอมยุทธ์พบว่าผู้คนเมืองเยี่ยนจิงกำลังแพร่ข่าวหนูขาวยักษ์ มีบันทึกไว้ใน "ซานไห่จิง" ว่าไปทางทิศบูรพา 30 ลี้ มีภูเขาชื่ออี่ตี้ ซึ่งเต็มไปด้วยหยกและทองคำ มีสัตว์ร้ายตัวหนึ่งที่ดูเหมือนกระรอกหูสีขาวและจะงอยปากสีขาว เรียกว่าจีหยู ถ้าปารกฏเป็นลางบอกว่าชาติจะมีศึกใหญ่ ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมืองเยี่ยนจิงพักหนึ่งว่า "หนูยักษ์คงกระพันและชอบกินคนกลางดึก" "หากหนูปรากฏ ประเทศจะพบหายนะ" ผู้คนต่างหวาดกลัวและไม่กล้าออกนอกบ้านตอนกลางคืน ปกติแล้วจอมยุทธ์จะไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา
จอมยุทธ์มีข้อข้องใจจึงไปที่จวนเอี้ยนอ๋องเพื่อคารวะฮั่นอ๋อง หลังจากฮั่นอ๋องทราบว่าคลังอาวุธของตระกูลตงฟางถูกระเบิด เขาก็ตกลงที่จะร้องเรียนแทนตระกูลตงฟางต่อหน้าพระพักตร์ ต่อมาฮั่นอ๋องยังได้กล่าวถึงตำนานหนูขาวยักษ์ในนิทานปรัมปราด้วย เดือนนี้เจ้าเมืองเยี่ยนจิงกังวลอย่างมาก ผู้คนไม่น้อยในเมืองหายตัวไปอย่างลึกลับในช่วงดึก และผู้ที่หายไปส่วนใหญ่คือพ่อค้าวาณิช หลังจากได้ยินสิ่งที่ฮั่นอ๋องพูด จอมยุทธ์ก็เล่าสิ่งที่เห็นมากับตาตนเองและขอให้ฮั่นอ๋องอนุญาตให้เขาสืบความเรื่องนี้ ฮั่นอ๋องบอกว่าเคยได้ยินฉินอ๋องชมว่าจอมยุทธ์ไขคดีได้เทพยดา ดังนั้นเขาจึงตกลงให้จอมยุทธ์ให้ช่วยสืบสวน
วันรุ่งขึ้น จอมยุทธ์มาที่จวนเยี่ยนจิง นางฟ้ามือปราบเซี่ยยั่วหนิงรอคอยผู้เล่นมาเป็นเวลานาน เซี่ยยั่วหนิงเฉกเช่นเดียวกับจอมยุทธ์ ไม่เชื่อในตำนานหนูยักษ์ ในช่วงดึกจอมยุทธ์ติดตามเซี่ยยั่วหนิงเพื่อจับหนูยักษ์ ในเวลาเที่ยงคืนหนูยักษ์ก็ปรากฏตัวขึ้นในเมืองอีกครั้ง เซี่ยยั่วหนิงและจอมยุทธ์มุ่งหน้าหมายสังหารหนูยักษ์ ทันทีที่เข้าใกล้หนูยักษ์ มันก็ระเบิดตัวเอง นักฆ่าสวมหน้ากากหลายสิบคนโผล่ออกมาจากหนูยักษ์ เซี่ยยั่วหนิง และจอมยุทธ์ไม่คิดปะทะศัตรูหมู่มากจึงหนีไปอย่างเร่งรีบ แต่ในระหว่างการประมือ จอมยุทธ์จึงเห็นว่าหน้ากากที่คนเหล่านั้นสวมใส่นั้นเหมือนกับหน้ากากที่พบในตระกูลตงฟางทุกประการ
เซี่ยยั่วหนิงบอกจอมยุทธ์ว่าพ่อค้าที่ถูกฆ่าในเมืองล้วนมีจุหนึ่งเหมือนกัน: พวกเขาเป็นชนต่างเผ่าไม่ก็ค้าขายกับชนต่างเผ่า จอมยุทธ์ไปที่ร้านค้าเพื่อตรวจสอบและพบผงสีดำอยู่ในรถม้าของร้านซึ่งเป็นดินปืนดำของหออัสนี จอมยุทธ์ทราบจากเจ้าเมืองว่า ตอนที่ราชสำนักกวาดล้างได้รวบรวมปืนไฟและดินปืนทั้งหมดไว้ที่หน่วยตรวจการ หากดินปืนดำที่ขายในตลาด และคดีล้างสำนักหออัสนีคือก็เพื่อสังหารข้าหลวงฝ่ายขวา จอมยุทธ์สงสัยว่าต้องมีคนทรยศในหน่วยตรวจการที่จงใจใส่ร้ายหออัสนี
เซี่ยยั่วหนิง ขอให้จอมยุทธ์ไปที่หน่วยตรวจการเพื่อตามหามู่เหว่ยเพื่อนของเธอ มู่เหว่ยบอกจอมยุทธ์ว่าดินปืนดำที่เก็บมาจากคลังของหน่วยตรวจการถูกลำเลียงออกไปเป็นประจำ และเหลือไม่มาก จึงควรมีบัญชีลำเลียงขนถ่ายดินปืนดำที่รัดกุม จอมยุทธ์และมู่เหว่ยไปหาผู้ดูแลคลังสินค้าเพื่อขอตรวจสอบบัญชี
หลังจากผ่านเหตุการณ์มากมาย จอมยุทธ์ก็รายงานเรื่องนี้ถึงเซี่ยยั่วหนิง หลังจากเซี่ยยั่วหนิงได้ยินเรื่องนี้ จึงขอให้จอมยุทธ์ไปตรวจสอบประตูหลายแห่งของเมืองเยี่ยนจิงเพื่อดูสถานการณ์ล่าสุดของรถม้าที่ขนส่งสินค้าออกจากเมือง จอมยุทธ์ค้นพบบันทึกล่าสุดของรถม้าที่ขนส่งสินค้าออกจากเมือง รถม้า 4 คันจะออกจากเมืองพร้อมกันทุกๆ สามวัน ในขณะนี้ เขาบังเอิญเห็นรถม้าอีกสี่คันออกจากเมือง และจอมยุทธ์ก็รีบติดตามพวกเขาไป รถม้าทั้งสี่มาถึงทางแยกและขับไปสี่ทิศทาง จอมยุทธ์กระโดดขึ้นไปบนรถม้าและพบว่ามีผู้ที่สวมหน้ากากนั่งอยู่ในรถม้า แต่ทว่าก่อนที่จอมยุทธ์จะลงมือ รถม้าก็ระเบิด จอมยุทธ์ก็ตกลงไปในหุบเขา...
จอมยุทธ์ตื่นขึ้นมากลางหุบเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็มีบาดแผลมากมาย มีหมาป่าจำนวนมากในหุบเขาที่ดมกลิ่นเลือดและตะครุบจอมยุทธ์ จอมยุทธ์สังหารหมาป่าและหมดแรง คาดไม่ถึง จู่ๆ ชายสวมหน้ากากจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นและไล่ล่าจอมยุทธ์ เมื่อจอมยุทธ์มีกำลังไม่พอต่อกร ทันใดนั้นชายชุดดำหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อช่วยเหลือและนำจอมยุทธ์หลบหนีไปได้สำเร็จ จอมยุทธ์ค้นพบว่าชายชุดดำเหล่านี้ไม่ใช่ชาวฮั่น แต่เป็นชาวหว่าหลา ผู้นำของชาวหว่าหลา คือ ไซ่ห่าน เจ้าชายคนที่สามแห่งหว่าหลา คราวนี้เขาเสี่ยงมาที่เมืองเยี่ยนจิง เพื่อเสาะหาศพของบรรพบุรุษยุคราชวงศ์หยวน ในตอนนั้นราชวงศ์หยวนพ่ายแพ้และซากศพของบรรพบุรุษของเขาถูกฝังอยู่ในสันเขาจื่อจิน คราวนี้เขาได้รับคำสั่งให้นำศพกลับไปฝังที่หว่าล่า
จอมยุทธ์ช่วยไซ่ห่านค้นหาซากศพของบรรพบุรุษในถ้ำ ถ้ำแห่งนี้ลึกล้ำและดูเหมือนทอดยาวออกไป ดูเหมือนจะมีเสาเทียมมากมายในถ้ำ ในถ้ำ จอมยุทธ์พบแร่จำนวนนับไม่ถ้วนที่ส่องแสงสีดำและสีขาว จอมยุทธ์ค่อยๆ ใส่แร่เล็กๆ สองสามชิ้นไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างเงียบๆ ทันใดนั้น ชายสวมหน้ากากก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พวกเขาวางกล่องบนรถม้าเข้าไปในถ้ำ บรรทุกแร่ใส่รถม้าจนเต็ม แล้วขับออกไป
จอมยุทธ์และไซ่ห่านตรวจสอบกล่องและพบว่ากล่องเหล่านี้เต็มไปด้วยดินปืนดำจากหออัสนี บอกผู้เล่นว่าจากการสังเกต คนที่สวมหน้ากากเหล่านี้ควรเป็นชาวกู่อี้ ใบหน้าของพวกเขาแปลกและแตกต่างจากคนทั่วไปดังนั้นพวกเขาจึงชอบสวมหน้ากากเพื่อซ่อนใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา ไซ่ห่านกล่าวคำอำลากับจอมยุทธ์และกำลังจะออกจากสันเขาจื่อจินกลับไปยังทุ่งหญ้าพร้อมกับซากศพของบรรพบุรุษและคนของเขา ทันใดนั้น กองกำลังของหน่วยตรวจการก็มาถึงในเวลานี้ จอมยุทธ์ต่อสู้กับกองกำลัง เพื่อคุ้มกันการเดินทางกลับของไซ่ห่าน ไซ่ห่านรู้สึกซาบซึ้งผู้เล่นมากและบอกว่าเขาจะตอบแทนน้ำใจของจอมยุทธ์
จอมยุทธ์กลับไปที่เมืองเยี่ยนจิงและบอกเซี่ยยั่วหนิงว่าชาวกู่อี้ได้ยึดแร่และขนดินปืนหออัสนีไปที่เหมือง เซี่ยยั่วหนิงขอให้จอมยุทธ์นำแร่ไปให้หวังเอี๋ยนหัวหน้าทหารในคลังอาวุธเพื่อให้ช่วยตรวจสอบ หวังเอี๋ยนบอกจอมยุทธ์ว่าแร่นี้มีค่ามากและหายาก แร่สีดำและสีขาวเป็นแร่ทังสเตนและสามารถนำมาใช้สร้างอาวุธและอาวุธปืนที่ยากทำลาย มีพลังทำลายล้างมากกว่าทองแดงและเหล็กมาก
ต่อมา เซี่ยยั่วหนิง แจ้งจอมยุทธ์ว่าหลี่กวงหมิง ข้าหลวงฝ่ายซ้ายซึ่งเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้เพ็ดทูลว่าหออัสนีเจียงหนานคิดกบฏและสังหารข้าหลวงฝ่ายขวา ฝ่าบาทกริ้วมากสั่งให้กวาดล้างยุทธจักร ฆ่าคนผิดยังดีกว่าปล่อยไป ตอนนี้หลี่กวงหมิงกุมอำนาจทั้งหมดในหน่วยตรวจการ เพียงมือก็บดบังฟ้า
จอมยุทธ์รู้สึกว่าเหตุการณ์เหล่านี้น่าจะเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับหลี่กวงหมิง ดังนั้นจอมยุทธ์จึงแอบติดตามหลี่กวงหมิงและพบว่าหลี่กวงหมิงแอบพบกับชาวกู่อี้และคุกเข่าลงเพื่อเคารพทูตพิเศษนิกายลับ ทูตพิเศษนิกายลับขอให้หลี่กวงหมิงบรรจุดินปืนลงในเสาหินทั้งหมดในเหมืองหลักสี่แห่งทั้งเหนือใต้ออกตกของเมืองเยี่ยนจิง และจุดชนวนทั้งหมดในวันนี้ ในที่สุดจอมยุทธ์ก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดและพบว่าหลี่กวงหมิงเป็นไส้ศึกนิกายลับ จุดประสงค์ของพวกเขาคือการยึดแร่ทังสเตนและทำลายเยี่ยนจิง เมื่อยุทธศาสตร์ทางทหารเมืองเยี่ยนจิงถูกทำลาย ราชวงศ์หมิงย่อสั่นคลอนอย่างหนัก ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมสำหรับการรุกรานจากต่างแดน
จอมยุทธ์รีบกลับมาแจ้งให้เซี่ยยั่วหนิงทราบ เซี่ยยั่วหนิงวิเคราะห์ว่าการระเบิดเยี่ยนจิง ไม่ใช่เรื่องง่าย เว้นแต่ใต้ดินของเมืองเยี่ยนจิงจะถูกขุดขึ้นมานานแล้ว จอมยุทธ์นึกถึงเสาจำนวนมากที่สร้างขึ้นในเหมืองสันเขาจื่อจิน หากเสาเต็มไปด้วยดินปืนสีดำของหออัสนี และจุดชนวนเสาเหล่านี้ ตอนนี้มีเวลาเพียงวันเดียวเป็นเรื่องยากมากที่จะค้นหาทุ่นระเบิดทั้งหมดในเยี่ยนจิงและกำจัดดินปืน ด้วยความยากเข็ญ เซี่ยยั่วหนิงจึงไปหาฮั่นอ๋องเพื่อส่งกองทหารไปค้นหาเหมือง
จอมยุทธ์ต้องการเห็นเหมืองสันเขาจื่อจินด้วยตาของเขาเองจึงรีบไปที่นั่น แต่สายเกินไป เสียงระเบิดดังก้องลั่นฟ้าต่อเนื่อง ในพริบตาเดียว สันเขาจื่อจินก็พังทลายลง ฝั่งตะวันตกของเมือง เยี่ยนจิงถูกทำลายพังลงมา มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ควันหนาทึบลอยขึ้นฟ้า
เมื่อเห็นเช่นนี้ จอมยุทธ์ก็รีบวิ่งไปยังยอดเขาทางตอนเหนือของเยี่ยนจิง หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็เกิดระเบิดขึ้นหลายครั้ง! ทางด้านเหนือของเมืองเยี่ยนจิงก็ถูกทลายราบคาบ...
ในเวลานี้ จอมยุทธ์ไม่ย่อท้อรีบวิ่งไปที่เนินเขาทางตะวันออกของเมืองเยี่ยนจิง ระหว่างทางได้ปะทะกับชายเผ่ากู่อี้ จอมยุทธ์ต่อสู้อย่างดุเดือดกับชาวกู่อี้ เมื่อพวกเขามีจำนวนมากกว่า เซี่ยยั่วหนิงก็มาถึงพร้อมกับกองทัพ เมื่อเห็นว่าแผนถูกเปิดโปง ชาวกู่อี้จึงล่าถอยอย่างรวดเร็ว จอมยุทธ์และทหารทำงานร่วมกันเพื่อกำจัดดินปืนออกจากเสาหินในถ้ำ เซี่ยยั่วหนิงบอกจอมยุทธ์ว่าทุ่นระเบิดอีกอันถูกควบคุมโดยกองกำลังทหาร และดินปืนก็ถูกกำจัดออกไปแล้ว...
หลังจากการสอบสวนหลายครั้ง ฮั่นอ๋องก็เรียกจอมยุทธ์คนนั้นมาและบอกเขาว่าหลี่กวงหมิงได้สารภาพความผิดทั้งหมดของเขาและถูกจับเข้าคุกหลวง หออัสนีเจียงหนานก็ได้รับการฟื้นฟูเช่นกัน การวางระเบิดคลังแสงของตระกูลตงฟางจะจำแนกความผิดไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฝ่าบาทได้หยุดเหตุนองเลือดในยุทธจักร แร่ทังสเตนที่จอมยุทธ์ค้นพบนั้นหายากและล้ำค่าอย่างยิ่ง และตอนนี้ราชสำนักได้ส่งคนมาดูแลแร่ทังสเตนอย่างเข้มงวดเพื่อดูแลกิจการ
ขณะที่จอมยุทธ์กำลังจะกล่าวคำอำลากับฮั่นอ๋อง กษัตริย์แห่งฮั่นก็ส่งนายทหารองครักษ์ไปกักตัวจอมยุทธ์ไว้ ฮั่นอ๋องหยิบคำสั่งจับกุมจอมยุทธ์ออกมาและเตือนจอมยุทธ์อย่าคิดว่าเพียงเพราะมีชื่อเสียงในยุทธจักรก็สามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้ จอมยุทธ์ยังคงมีความผิด แต่ราชสำนักยอมหลับตาข้างหนึ่งไว้ เพราะได้รับข่าวและรู้ว่าจอมยุทธ์ไม่ใช่คนร้ายที่แท้จริงที่สังหารราชบุตรเขย
เมื่อจอมยุทธ์สงสัยว่าฮั่นอ๋องจะทำอะไรกับเขา ฮั่นอ๋องจึงกางราชโองการงลับ มีความว่า: จอมยุทธ์ได้มีคุณูปการอย่างมากในครั้งนี้และช่วยเมืองเยี่ยนจิงจากหายนะ เพื่อเป็นการตอบแทน ราชสำนักได้ระงับโทษอาญาจอมยุทธ์ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม จอมยุทธ์จะต้องสืบหาความจริงภายในหนึ่งปี พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง มิฉะนั้นโทษอาญาจะยังคงมีผลใช้บังคับหลังจากผ่านไปหนึ่งปี จอมยุทธ์รับราชโองการและขอบพระทัย เมื่อเดินออกจากจวนเอี้ยนอ๋อง เซี่ยยั่วหนิงกำลังรออยู่ที่ประตูและแจ้งแก่จอมยุทธ์ว่าเรื่องทั้งหมดในเยี่ยนจิง ได้รับการรายงานไปยังประมุขยุทธจักรแล้ว ในเวลานี้ จู่ๆ จดหมายจากนกพิราบบินก็มาถึง และส่งสารว่าฉินอ๋องต้องการเชิญจอมยุทธ์...