เนื้อเรื่อง
บทที่ 1 วีรบุรุษผู้พลีชีพ กับภรรยาที่ชอกช้ำ
ในปี1371 จอมยุทธเซียวหงว่านได้รับมอบหมายจากจูหยวนจางเพื่อลอบสังหารแม่ทัพอันดับหนึ่งแห่งทะเลทรายเป่ยหยวนหวางเป่าเปาแต่เซียวหงว่านกลับถูกซุ่มโจมตีกลางทะเลทราย และเพื่อปกป้องคนอื่นๆเขาจึงยอมสละชีพตนเองร่างของเขาถูกฝังอยู่ที่หมู่บ้านอันไกลโพ้นและที่เงียบสงบแห่งตงง้วนภรรยาเขาติงหวนเฟิ่งบ่นและต่อว่าคนเหล่านั้นว่าเอาแต่หนีรอดไม่มีใครช่วยสามีของนางและในเวลานั้นเองลูกชายคนโตของเซียวหงว่านเซียวเทียนฟ่างได้เรียนรู้วรยุทธจากพรรคกระยาจกติงหวนเฟิ่งพาลูกชายคนที่สองซึ่งมีอายุเพียง9ขวบชื่อว่าเซียวเทียนฉิงไปเยี่ยมเพื่อนเก่า "เซียวเชียนชิว"เจ้าของหมู่ตึกว่านซูเมื่อหลายปีก่อนเซียวเชียนชิวเคยตกหลุมรักกับติงหวนเฟิ่งตั้งแต่แรกเห็นจนบัดนี้ก็ยังรักอยู่ดังนั้นเขาจึงรับเลี้ยงดูลูกชายคนที่สองของนางไว้ส่วนนางหลังจากที่แน่ใจได้ว่าลูกชายของตนจะต้องอยู่สุขสบายจึงอำลาตัวเองจากโลก ด้วยการเผาตัวเองตายตามสามี
บทที่ 2 จักรพรรดิก่อกบฏ ประชาราษฎร์ผิดหวัง
หลังจากที่เหล่าจอมยุทธนั้นรอดชีวิตกลับมา จักรพรรดิจูหยวนจางเตรียมที่จะตบรางวัลให้ แต่หลิวจีกลับบอกพรรคพวกว่าจูหยวนจางกำลังคิดกบฏ วันต่อมาคนจำนวนมากและหนึ่งในนั้นก็มีนักรบที่ชื่อกัวเจี๋ยก็ขอให้จูหยวนจาง คืนบ้านเมืองและอิสรภาพให้แก่พวกเขา ด้านหนึ่งจูหยวนจางหลอกล่อให้พวกเขาเดินทางไประดมพลที่อาณาจักรหมิงและอีก ด้านหนึ่งเขาก็แอบส่งกองทหารลับไปกำจัดกลุ่มคนเหล่าเพื่อที่เขาจะได้รักษา อำนาจไว้ให้อยู่ในกำมือเขาตลอดไป
บทที่ 3 ดาบมารปรากฏขึ้น หกเทพแห่งเขาหัวซานถือกำเนิด
17 ปีผ่านไป ลี่ว์หยามือหนึ่งแห่งเขาหิมะถูกขับไล่ออกจากสำนักเนื่องจากฝึกฝนวิชาดาบอสูร ทะเลโลหิตและหลังจากนั้นเขาก็เรียกตัวเองว่าปรมาจารย์ดาบโลหิต ในฤดูหนาวปีเดียวกันนั้นเองในงานประลองกระบี่ที่เขาหัวซานได้ถือกำเนิดหกยอด ฝีมือขึ้น ผู้คนต่างขนานนามว่าหกเทพ นอกจากนั้นลี่ว์หยาปรมาจารย์ดาบโลหิตผู้ชอบให้พลังด้านมืด ยังมียอดยุทธอีก 5 คนได้แก่ เฮยไป๋จื่อยอดฝีมืออาวุธลับผู้ที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของชีวิต สี่ยอดฝีมือที่ติดตามเซียวหงว่านเดินทางไกลไปถึงทะลทรายเพื่อต้องการลอบ สังหารแม่ทัพหวางเป่าเปา จอมกระบี่แห่งจิ้วกงมีวิชากระบี่ที่เหนือชั้นที่สุดในปฐพี หลวงจีนเสียนเจี้ยนฝึกฝนกระบวนท่าที่ 22 ของ 72 วิชาของวัดเส้าหลิน ซึ่งเป็นวิชาที่ยากที่จะบรรลุให้สำเร็จ แม่ทัพกัวเจียผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านยุทธวิธีและกองกำลัง และเขายังเคยได้รับคำชี้แนะจาผู้อาวุโสทางด้านการโจมตีจุดเส้นประสาท หลินเทียนหนานเติบโตขึ้นมาจากตระกูลในยุทธจักรที่มีชื่อเสียง และได้รับเลือกให้เป็นประมุขยุทธจักร เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์และเชี่ยวชาญวรยุทธ์จึงได้รับการแต่งตั้งเป็น จ้าวยุทธจักร
บทที่ 4 ไปทางเดียวกัน แต่เป้าหมายต่างกัน
2 ปีต่อมา ยอดฝีมือทั่วทุกสารทิศแห่งยุทธจักรต่างก็มาท้าประลองที่ตงง้วน แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ถูกหกเทพพิชิตไปอย่างราบคราบ จึงทำให้เรื่องราวของหกเทพโด่งดังขึ้นในยุทธจักร ซึ่งเป็นที่น่า เสียดายที่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาร่วมมือกัน และก็จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากนั้นอีกไม่นานลี่ว์หยาปรมาจารย์ดาบโลหิตได้สำเร็จวิชาและกลาย เป็นมารเต็มขั้น โดยใช้ดาบมารนั้นสังหารผู้คนบริสุทธิ์อย่างนับไม่ถ้วน จึงกลายเป็นศัตรูกับยุทธจักร หลวงจีนเสียนเจี้ยนคิดจะหยุดการกระทำของลี่ว์หยาแต่เพราะความเมตตาของเขาจึง ทำให้หลวงจีนต้องพ่ายแพ้อย่างน่าเสียดาย นับจากนั้นเป็นต้นมายุทธจักรเพียงแค่ได้ยินชื่อของปรมาจารย์ดาบโลหิตต่างก็ กลัวกันยกใหญ่ จนกระทั่งเรื่องนี้ผ่านไปปีหนึ่ง จอมกระบี่แห่งจิ้วกงได้ปรากฏตัวขึ้นและได้ท้าดวลกับปรมาจารย์ดาบโลหิตเป็น เวลา 3 วัน 3 คืน จอมกระบี่ใช้วิชาลับจากคัมภีร์เก้าอิมจินเอ็ง จนที่สุดเขาก็เอาชนะปรมาจารย์ดาบโลหิตนี่ได้และทำลายพลังชั่วร้ายในดาบมาร ร้อยราตรีนั่นปรมาจารย์ดาบโลหิตสำนึกตัวได้จึงโยนดาบทิ้ง ครึ่งปีให้หลังเขาก็เสียชีวิตกลางทะเลทรายหกเทพจึงเหลือเพียง 5 คน
เฮยไป๋จื่อมีนิสัยแปลกประหลาดเขาไม่ได้เข้าทางธรรมและทางมาร ในครั้งที่ชนะผู้ฝึกฝนงานไฟแห่งวัดต้าหลุน หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นร่องรอยเขาอีกเลย สำหรับจอมกระบี่แห่งจิ้วกงหลังจากงานประลองจอมกระบี่แห่งจิ้วกงได้เปลี่ยน ชื่อเรียกตัวเองเป็น "ผู้เฒ่าแห่งจิ้วกง" และหวนกลับสู่เทือกเขาจิ้วกงชาวยุทธมากมายต่างพากันไปเยี่ยมเยียนแต่ก็ไม่ เคยมีใครได้เห็นร่องรอยผู้เฒ่าอีกเลย อีกด้านหนึ่งแม่ทัพกัวเจียแอบอ้างว่าตนเองเป็นเฒ่าล่วงรู้ที่เก็บตัวอยู่ใน ดินแดนเผิงไหลศึกษาวิชาพิสดารแปดทิศเบญจธาตุ สำหรับหลวงจีนเสียนเจี้ยนที่วันๆเอาแต่หมกมุ่นอยู่แต่ในหอเก็บคัมภีร์ เขาจึงตัดสินใจออกจากวัดเส้าหลิน และมุ่งหน้าไปอย่างไร้จุดหมาย ฉะนั้นหกเทพจึงเหลือเพียงหลินเทียนหนานซึ่งเป็นจ้าวยุทธจักร ในปีเดียวกันนี้เองในยุทธจักรก็ถือกำเนิดสำนักใหม่ขึ้นมาคือ "หอบัณฑิต" ที่มาของสำนักนั้นเริ่มจากขณะที่เซียวเปี๋ยฉิงกำลังชมจันทร์อยู่ที่ริมทะเลสาบไท่หูอยู่นั้น ก็ได้พบกับสือเยี่ยนปิงฉายา “ครูพู่กันหยก” ทั้งสองมีชะตาที่ดีต่อกันจึงได้กลายมาเป็นเพื่อนรักกัน และตัดสินใจสร้างหอบัณฑิต เพื่อแสดงถึงมิตรภาพและทัศนคติที่คล้ายคลึงกัน คนทั้งสองจึงแลกเปลี่ยนวิทยายุทธซึ่งกันและกัน แท้จริงแล้วไซร้เซียวเปี๋ยฉิงก็คืออดีตที่ชื่อว่าเซียวเทียนฉิงเนื่องจากพ่อ บุญธรรมและพ่อแท้ๆ ของเขาแซ่เดียวกัน เขาจึงยังคงรักษาแซ่นี้ไว้และเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อไม่ให้ใครจำเขาได้ ในขณะเดียวกันพี่ชายแท้ๆ เซียวเทียนฟ่างที่ไม่รู้เรื่องก็ได้เลื่อนขั้นเป็นประมุขพรรคกระยาจก เซียวเปี๋ยฉิงรู้ว่าพี่ชายได้รับพระคุณจากพรรคกระยาจกอย่างสูงส่ง ไม่อยากให้เดือดร้อนจึงเก็บความลับนี้ไว้และไม่แสดงตัวตนที่แท้จริง เนื่องเขาได้อิทธิพลจากแม่มามากทำให้เข้าใจว่าสำนักฝ่ายธรรมล้วนเป็นผู้ดีจอมปลอมเขาจึงให้หอบัณฑิตมีอุดมการณ์ที่จะดำรงตนเป็นพรรคฝ่ายกลางเหมือนตระกูลถัง
บทที่ 5 แปรเปลี่ยนจักรพรรดิ ตระกูลสูญสิ้น
ปีค.ศ. 1398 หลังจากที่จูหยวนจางสวรรคตหลานชายจูหยุ่นเหวิน(เจี้ยนเหวินฮ่องเต้) ก็ได้ขึ้นครองราชย์ต่อเขาได้พยายามอย่างมากในการปราบปรามอำนาจท้องถิ่นและ สำนักน้อยใหญ่ในยุทธจักร ในฐานะที่ท่านจูจิ้งชาวยุทธคนหนึ่ง เขาเป็นมิตรกับยอดฝีมือและสำนักทั้งหลาย ปีถัดมา จวนอ๋องจูตี้ไม่พอใจกับการปราบปรามขององค์จักรพรรดิจึงตัดสินใจโค่นล้ม บัลลังก์ สำนักเขาหิมะเกิดความวุ่นวายประมุขคนใหม่เป็นเจ้าเมืองหลิงเซียวซึ่งต้องการ จะแทรกแทรงอำนาจของรัฐสู่เขาหิมะ หลวงจีนเสียนเจี้ยนทราบเรื่องจึงต้องการหยุดยั้งอำนาจจึงตัดสินใจปลอมตัวผู้ เฒ่าเดินทางเข้าไปแฝงกายในเมืองหลิงเซียว ต่อมาเขาหิมะถูกโจมตีจากสำนักพุทธวัชรยานจากทิเบต เขาหิมะถูกทำลายล้างในชั่วข้ามคืนเนื่องจากไม่เห็นด้วยเนื่องจากขวางทาง แต่โชคดีของเด็กน้อยคนหนึ่งที่หนีรอดออกมาและได้รับการช่วยชีวิตและเลี้ยงดู จากจอมยุทธผู้ซึ่งเดินทางผ่านมาเห็นเข้าพอดี
บทที่ 6 ทดแทนคุณด้วยความแค้น
ปี 1403 จวนอ๋องจูตี้เคลื่อนกองทหารจิ้งหนันเข้ายึดครองเมืองหลวง และสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้โดยมีพระนามว่าหมิงเฉิงจู่ฮ่องเต้และตั้งชื่อ รัชกาลว่าหย่งเล่อ จูตี้ควบคุมอำนาจได้ทั้งหมดแล้วต้องการที่จะทำตามคำสั่งของจูหยวนจาง อย่างไรก็ตามในยุทธจักรเวลานี้ถือว่ามีความกล้าแกร่งมากแม้ว่ามีขุนนาง พยายามที่จะเข้าแทรกแซงแต่ก็ไม่เป็นผล ดังนั้นจูตี้จึงส่งขุนนางไหวพริบดีเข้าร่วมสำนักในยุทธจักรเพื่อที่จะรวบรวม สำนักต่างๆ โดยจงใจทำลายความสัมพันธ์ สร้างข้อพิพาท หมิงเฉิงจู่ฮ่องเต้พยายามใช้เงินทุนของทางการซื้อโรงเงินทั่วประเทศ จ้างวานใช้สายสืบให้รวบรวมกองกำลังลับในยุทธจักร ปล่อยข่าวลือของแผนที่ขุมทรัพย์และคัมภีร์เก้าอิมจินเอ็งซ่อนอยู่ที่อยู่ที่ เขาจิ้วกง จากนั้นภายใต้ข่าวลือของจู้ตี้จึงเกิดการต่อสู้กันระหว่างตระกูลถังกับพรรค กระยาจก หลังจากที่พรรคฝ่ายกลางและพรรคฝ่ายมารถูกปราบปรามไปแล้วนั้นจูตี้ก็ได้สร้าง ความขัดแย้งทางพันธมิตรให้กับวัดเส้าหลิน บู๊ตึ๊ง ง๊อไบ๊ แต่โชคดีที่ประมุขยุทธจักรหลินเทียนหนานยังอยู่ จึงทำให้แผนการทั้งหมดถูกเปิดเผย
อย่างไรก็ตามจักรพรรดิหมิงเฉิงจู่ (จูตี้) ก็ยังไม่ล้มเลิกความคิด เขาจัดตั้งให้สำนักองครักษ์เสื้อแพรเป็นกองกำลังลับ ให้แฝงตัวแล้วคอยปราบปรามคนในยุทธจักร ภายหลังสำนักองครักษ์เสื้อแพรได้ริอาจกำเริบเสิบสาน กระทำการใดโดยไม่สนใจใคร จนในที่สุดก็ทำให้ตงฉ่างไม่พอใจ โหเซี่ยนหัวหน้าตงฉ่างจัดการส่งสมุนไปช่วยกับขุนนางที่ได้รับโจมตีโดย องครักษ์เสื้อแพรและได้สร้างหลักฐานขึ้นมาว่าสำนักองครักษ์เสื้อแพรคิดก่อกบฏ จูตี้ได้ยินดังนั้นก็โมโหเดือดดาลเตือนให้องครักษ์เสื้อแพรคอยระวังพฤติกรรม การพูดการจาและไม่หลงเชื่อกลุ่มจรชนพวกนั้น แต่ทว่าไม่ทันไรเมื่อองครักษ์เสื้อแพรกำลังสืบข้อมูลอยู่นั้นก็ค้นพบว่าต้น ตระกูลได้ทิ้งวิชามารสุดยอดวิชาอสูรแห่งซิวหลอเอาไว้รองผู้บัญชาการแห่ง สำนักองครักษ์เสื้อแพรหวงผู่เหยาได้เสนอแนวคิดต่อผู้บัญชาการว่า ถ้าหากสำนักองครักษ์เสื้อแพรได้ฝึกฝนวรยุทธ์นี้เป็นประจำทุกวัน จะทำให้พละกำลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ทว่าวรยุทธ์มารนี้ เพียงแค่ได้ฝึกฝนก็ทำให้จิตใจถูกครอบงำ ขาดความยับยั้งชั่งใจ และในขณะนี้เองพลังของสำนักองครักษ์เสื้อแพรก็แกร่งขึ้นเรื่อยๆ ความร้ายกาจทวีขึ้น การไม่อยู่ในควบคุมขององครักษ์เสื้อแพรทำให้จูตี้โมโหมาก หาโอกาสฆ่าสังหารทิ้งเสีย แต่ก็ไม่เป็นผลรองผู้บัญชาการหวงผู่เหยาพยายามนำมาตรการอื่นเพื่อมาขับไล่ ให้สำนักองครักษ์เสื้อแพรออกจากเมืองหลวง สุดท้ายจึงออกไปและตั้งตัวเป็นพรรคมารแห่งยุทธจักรและในเวลาเดียวกันนี้เอง พวกเขาก็ได้ร่วมมือกันกับพรรคมารลึกลับที่ตั้งอยู่บนเกาะเล็ก ซึ่งมีชื่อว่าพรรคสราญรมย์ เพื่อต้องการรับมือกับสำนักทางธรรมในยุทธจักร
บทที่ 7 เหนือฟ้ายังมีฟ้า
อยู่มาวันหนึ่งมีข่าวการปรากฏคัมภีร์เก้าอิมจินเอ็ง ขึ้นอีกครั้งในยุทธจักรประมุขยุทธจักรหลินเทียนหนานแห่งเมืองซูโจวได้รับ จดหมายเชิญจากเฒ่าเก้าวังให้ไปรวมตัวที่เขาเก้าวังแต่ความจริงแล้วเฒ่าเก้า วังหาได้มีคัมภีร์เก้าอิมวรยุทธ์ที่เขาใช้ในการปราบปรมาจารย์ดาบมารก็สืบทอด มาจากผู้สูงส่งผู้หนึ่งในทะเลทางใต้ ฉะนั้นข่าวการปรากฏขึ้นอีกครั้งของคัมภีร์เก้าอิมในตอนนี้จะเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเพียงแผนการบางอย่าง ก็ยังไม่มีใครรู้ได้
เวลานี้หลินเทียนหนานตัดสินใจที่จะลาออกจากตำแหน่งประมุขแห่งยุทธจักรและล้ม ล้างระบบประมุขวันข้างหน้าอำนาจทั้งหลายในยุทธจักรจะไม่ได้อยู่ในการควบคุม ของประมุขอีกต่อไป ความจริงแล้วเรื่องเกิดขึ้นเมื่อยุทธจักรปรากฏกลุ่มคนเบื้องหลังที่มีอำนาจ มหาศาลขึ้น สำนักวัชรยานแฝงเข้ามาในยุทธจักรและได้ก่อความวุ่นวายในเขตพื้นที่บนเขาหิมะ แต่หลินเทียนหนานสงสัยว่าประมุขยุทธจักรจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังนี้ทั้งหมด จึงตัดสิ้นยกเลิกระบบประมุขเสีย นับจากนี้เป็นต้นไป แต่ละสำนักก็จะได้รับอิสรภาพ ไม่ต้องถูกผูกมัดอีกต่อไป อีกด้านหนึ่งก็คือหลินเทียนหนานก็มีเวลาที่จะสืบหาประวัติความเป็นมาของ สำนักวัชรยานต่อไป โดยที่แนะนำเฒ่าเก้าวังให้รู้จักจอมยุทธท่านหนึ่ง
ความจริงแล้วจอมยุทธผู้นี้ก็คือหลานชายของจางซื่อเฉิงผู้ซึ่งเคยพ่ายแพ้ให้ กับจูหยวนจางมาแล้ว ดังนั้นจางซื่อเฉิงจึงส่งหลานชายจางตันเฟิงไปหาเพื่อนที่นอกด่านและซ่อนตัว หลานสาวจางตันหลิงไว้ที่หมู่ตึกแห่งหนึ่งในทะเลสาบต้นถิง 17 ปีต่อมาจางตันเฟิงเติบโตท่ามกลางทะเลทรายกลายเป็นผู้มีความยึดมั่นใน อุดมคติ มีความเป็นผู้นำ ใฝ่รู้และน้องสาวจางตันหลิงผู้มีรูปลักษณ์สวยงาม สมองอันชาญฉลาดกล้าตัดสินใจ
17 ปีให้หลัง หลังจากที่สองพี่น้องเผชิญชีวิตมาด้วยความยากลำบากในที่สุดก็ร่วมมือกันอีก ครั้ง จากที่ตอนเด็กจางตันหลิงถูกปลูกฝังไปด้วยความแค้น บัดนี้ความหวังก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม คือต้องการร่วมมือกับพี่ชายในการฟื้นฟูประเทศกลับคืนอีกครั้ง แต่ทว่าจางตันเฟิงผู้มีอุดมคติสูงส่ง ต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข ก็ได้ล้มเลิกความคิดล้างแค้นเหล่านั้น ไม่เพียงแต่ปฏิเสธการรวมกลุ่มกับชนเผ่านอก และยังได้แจกจ่ายสมบัติออกไป ช่วยให้ประชาชนกินดีอยู่ดี จางตันหลิงโมโหสุดขีด นางผู้ไม่เหลืออะไรสุดท้ายก็ใช้ความสามารถเหนือชั้นของนางจนกลายมาเป็นจวน อ๋องที่ปรึกษาทางการทหารของจูจิ้ง แต่ทว่า ดวงตาที่แสนสวยกลับไม่สามารถลบล้างความแค้นนั้นได้
ยุทธจักรก็ยังเป็นยุทธจักร ผู้คนต่างมีเป้าหมายช่วงชิงอำนาจกัน เพียงแต่ไม่มีใครล่วงรู้เท่านั้นเอง แต่เบื้องหลังอีกทีกลับมีกลุ่มคนที่คอยซ่อนตัวอยู่ในที่มืดมิดกำลังจับตา จ้องพวกเขาอยู่ จึงทำให้พวกเขาตกอยู่ในวิกฤตอันตรายโดยที่ไม่รู้ตัว ……
ที่มารูป
http://www.joyfulbrush.com/gallery7_animals_fish/7awild_stallion.html
http://artfulnerd.com/Images/Ink/Ink0007.gif
http://www.the-gallery-of-china.com/chinese-dragon-painting-12.html
http://www.xabusiness.com/china-resources/ming-dynasty-paintings.htm
http://news.cultural-china.com/20090604122456.html